Skip to main content

言葉の選び方:การเลือกใช้คำในการสื่อสาร

วันนี้จะขอพูดเรื่องการเลือกใช้คำในการสื่อสารกับคนอื่นๆ 
มีหนังสือญี่ปุ่นเล่มหนึ่งชื่อว่า กฏ9ข้อในการสื่อสาร 
ในชีวิตของคนเรานั้นมีหลายครั้งที่เราต้องทำการตัดสินใจ และต้องขอร้องให้คนอื่นๆช่วย

การตอบว่าNoหรือYes นั้นเป็นผลลัพท์ที่แตกต่างกันแต่อาจจะต่างเพียงเล็กน้อย เหมือน79.5 กับ80เท่านั้น 
ดังนั้นกฏ9ข้อนี้จึงเป็นการเติมเต็มความต่างนั้นในการสื่อสารนั่นเอง

จากหนังสือเล่มนี้กล่าวว่า ในวันหนึ่งๆคนเราจะถูกขอร้องประมาณ22ครั้ง 
จึงคิดหาวิธีตอบที่ดีในกรณีที่ถูกตอบว่าตอบ No แต่หากเปลี่ยนเป็น Yes ได้ผลลัพท์ที่ได้ก็อาจเปลี่ยนไปได้

เพื่อให้เปลี่ยนเป็น Yes ได้ มีวิธีการ3ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1 ไม่ใช้คำพูดที่อยู่ในหัวทั้งๆอย่างนั้น
2 คาดเดาความคิดของฝ่ายตรงข้าม
3 ทำผลประโยชน์ให้สอดคล้องกับของฝ่ายตรงข้าม

หากเราคิดตามขั้นตอนสามข้อนี้ แล้วเลือกคำที่ใช้ในการพูด จะทำให้การสื่อสารของเราส่งผลดียิ่งขึ้น
โดยในหนังสือได้ยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆเอาไว้ เช่น หากเราอยากจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ 
เราอาจจะไม่ได้พูดชวนไปออกเดทโดยตรง แต่ลองคิดดูว่าเขาจะชอบอาหารแบบไหน 
เช่น ถ้าดูว่าเขาน่าจะชอบอาหารอิตาลี แล้วเราก็ชวนเขาว่า รู้จักร้านพาสต้าอร่อยๆเจ้านึง ไปด้วยกันไหม 
แม้ผลที่ได้อาจจะไม่ต่างจากการชวนไปออกเดทโดยตรง
 แต่เมื่อเราปรับวิธีการพูด ก็คิดว่าน่าจะทำให้มีแนวโน้มจะชวนสำเร็จสูงขึ้น

นอกจากนั้นก็ยังมี7ข้อที่ช่วยในการคาดเดาความคิดของฝ่ายตรงข้าม ได้แก่
หนึ่ง คาดเดาเรื่องที่อีกฝ่ายชอบ
สอง คาดเดาเรื่องที่ไม่ชอบ และลองคิดหาคำที่จะหลบหลีกจากเรื่องนั้นๆ
เช่น แทนที่เราจะพูดว่า ห้ามจับนะ ก็เปลี่ยนมาพูดว่า ถ้าจับแล้วมือและเสื้อผ้าของเธออาจจะเปื้อนได้นะ แทน
สาม สื่อว่า ให้อิสระในการเลือก
แต่การมีตัวเลือกเยอะเกินไปก็อาจทำให้ตัดสินใจยาก แต่เราก็สามารถเสนอตัวเลือก
เพื่อสร้างความรุ้สึกว่ามีอิสระในการตัดสินใจให้กับอีกฝ่ายได้ เช่น AกับB จะเลือกอะไรดี เป็นต้น
สิ่ พูดโดยให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าอยากทำให้ เช่น ของที่เธอทำให้นี้น่ะ มีแต่คนชมว่าดีมากเลยนะ ถ้าขอให้ทำให้อีกครั้งจะได้ไหม
ห้า บอกถึงความสำคัญอย่างเฉพาะเจาจงของอีกฝ่ายเป้นนัยๆ
เช่น ต่อให้คนอื่นๆไม่มาก็ไม่เป้นไร แต่อยากให้คุณมา เมื่อพูดประมาณนี้ก็จะทให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ามีความสำคัญและตอบตกลงได้ง่าย
หก ให้ความรู้สึกว่าเป็นทีม
เช่น ไม่ใช่บอกว่าทำงานนั้นซ่ะ ตั้งใจเรียนซ่ะ แต่ก็พูดใหม่ว่า มาทำงานด้วยกันนะ หรือมาเรียนไปด้วยกันนะ 
ก็จะสร้างความรู้สึกเป็นพวกพ้องเดียวกันได้ง่าย
เจ็ด เพิ่มคำที่แสดงความรุ้สึกขอบคุณเข้าไปในประโยค เช่น รู้สึกขอบคุณสำหรับทุกๆครั้ง เป็นต้น 
พอคนฟังได้ฟังตามหลักจิตวิทยาแล้วก็จะตอบปฏิเสธได้ยากยิ่งขค้น

จะเห็นว่าแค่การเปลี่ยนคำพูด ก็ให้ผลลัพท์และสร้างความประทับใจที่แตกต่างกันได้
และทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้นแล้ว 
ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องและทุกๆเหตุการณ์
ดังนั้นหากมีโอกาสก็อยากจะขอให้ลองทำไปใช้ดูนะคะ

今回は人に物事を伝えるときの言葉の選び方についてお話します。
日本の本で「伝え方が9割」という本があります。
人生にはいくつもの岐路があり、
そのつど私たちは人に「頼みごと」をしています。

「ノー」と「イエス」では大きく結果が異なりますが、
もしかしたらその差とは79.5点と80点ほどの僅差だったかもしれません。
この差の9割を占めるのが「伝え方」だといいます。
この本によると人は一日に頼みごとを平均22回しているそうです。

「ノー」と言われる場面を伝え方の工夫で少しでも
「イエス」に変えることが出来れば、結果が大きく変わるかもしれません。

「イエス」に変えるためには3つのステップがあるといいます。
3つのステップは次の通りです。
1 自分の頭の中をそのまま言葉にしない
2 相手の頭の中を想像する
3 相手のメリットと一致するお願いをつくる
このステップを踏んで言葉を選び、
話すことで物事がうまくいく可能性が高くなります。
その本の例を挙げますが、もしあなたが
「好きな人とデートしたい」と思っているなら、
そのまま伝えるのではなく、例えば相手がイタリアンを好きなことを考え、
「驚くほど美味しいパスタの店があるのだけど、行かない?」と誘うのです。
結局は「デート」の誘いなのですが、伝え方が異なるだけで、
成功する確率が高くなると思いませんか?

さらに「相手の頭の中を想像する」のには、7つの切り口があります。
「相手の好きなこと」を想像する。
「嫌いなこと」を想像し、それを回避するように言葉をつくる。
たとえば、「これを触らないで」ではなく、「これを触ると、
手や服が汚れるよ」と伝えると、相手も考えてくれます。
「選択の自由」を与える。
多くのものから決断するのは難しいですが、「AとBどちらがいい?」という
ような比較だと簡単に選ぶことができます。
相手の「認められたい欲」を刺激する。
「あなたが作ったこれ、すごく好評なんだよ。またお願いできない?」
と言えば、
無理なお願いであっても快く応じてもらえるでしょう。
「あなた限定」という伝え方をする。
「他の人が来なくても、○○さんだけには来てほしいんです」と限定して頼むと、
私が必要とされていると思い、依頼を受けてくれます。
「チームワーク化」する。
「勉強しなさい、仕事しなさい」ではなく、「一緒に勉強しよう、
一緒に仕事しよう」と言えば、子どもや同僚もやる気になってくれるはずです。
「感謝の言葉を添える」
「いつもありがとう」といった感謝から入ると、人は心理的に「ノー」と言いにくくなるといいます。

ちょっと言葉を変えるだけで相手の受ける印象が大きく異なり、
物事がスムーズに進みます。
これはどんな立場の相手、どんな場面でも同じなので、
もしも誰かに物事を伝えることに困っているならば、
一度トライしてみて下さい。

Comments

Popular posts from this blog

金型成形:แม่พิมพ์โลหะ

แม่พิมพ์โลหะ หมายถึงแม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์โลหะ แม่พิมพ์โลหะสามารถจำแนกออกได้ดังนี้ (1) แม่พิมพ์ปั๊ม (Stamping) เป็นวิธีการนำแผ่นเหล็ก (Strip) เข้ามายังเครื่องปั๊มที่มีแม่พิมพ์ประกอบติดอยู่กับแท่นปั๊ม แท่นปั๊มจะกดลงมายังแผ่นเหล็กเพื่อให้ได้ชิ้นงานตามแบบแม่พิมพ์ (2) แม่พิมพ์ขึ้นรูป (Forming) เป็นการเปลี่ยนรูปทรงของแผ่นเหล็กให้เป็นไปตาม รูปทรงของพันซ์ (Punch) และดาย (Die) โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงความหนาของเหล็ก (3) แม่พิมพ์ดึงขึ้นรูปลึก (Deep draw die) เป็นการควบคุมการใช้แรงกดดันหรือแรงที่กดลงบนแผ่นงาน (Blank) หรือชิ้นงาน (Work piece) ดันผ่านแม่พิมพ์ ด้วยพั้นช์ (Punch) ให้มีรูปร่างเป็นหลุมหรือโพรงลงไป (4) แม่พิมพ์ตีขึ้นรูป (Forging) เป็นแม่พิมพ์ที่ใช้ในการแปรรูปโลหะให้ได้รูปร่างตามที่กำหนดเป็นจำนวนมาก (5) แม่พิมพ์ฉีดหล่อ (Die casting) เป็นวิธีการหล่อที่ใช้ความดันสูงอัดน้ำโลหะเข้าสู่แม่พิมพ์ ブロー成形金型 金型成形とは金属部品を作る金型です。 次の5つの金型が主な金型の種類となります。 1. スタンピング成形です。スタンピング成形は ストリップという鋼板を金型セットされた成形気に入れて、 そのストリップにスタンプします。 2. 成形金型とはパンチとダイの形状に応じて ...

การปรับสภาพผิวของโลหะ

การปรับสภาพผิวของโลหะ หลังจากที่มีการขึ้นรูปโลหะเหล็กหรืออลูมิเนียมที่เป็นชิ้นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ หรือว่าเป็นชิ้นส่วนของ Jig เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนสุดท้ายส่วนใหญ่ก็จะมีการปรับสภาพผิวของโลหะ ซึ่งกรรมวิธีที่เราคุ้น ๆกันก็คือการ เคลือบหรือชุบผิว ไม่ว่าจะเป็นการชุบเคลือบสี หรือการชุบเคลือบสังกะสี  ,ทองแดง ,ดีบุก ,นิกเกิ้ล ,โครเมียม ซึ่งวิธีดังกล่าวก็จะทำให้ผิวของงานเกิดความสวยงาม แวววาว  ทนต่อการผุกร่อน 金属の表面改質について話します。 金属やアルミのパーツや治具の成形後、最終工程は表面改質となります。 私たちがよく知っている方法は、色やメッキ、銅、錫、ニッケル、クロムなど表面のコーティングです。 このようなコーティングでワークが美しく輝きを増し、腐食にも強くなります。 นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีการปรับสภาพผิวของซิ้นงานโลหะด้วยวิธีอื่นอีก  เพื่อที่จะทำให้เนื้อวัสดุมีคุณสมบัติอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา  จึงอยากจะพูดเรื่องของการปรับสภาพผิวของโลหะด้วยวิธีอื่น  ที่บางคนยังไม่รู้มาบอกให้ทราบกัน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างโลหะที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ก็คือเหล็กและอลูมิเนียม そのほか、別の特性を生む方法もあります。 知らない人もいると思うので、今日は鉄とアルミという、 よく使われる金属について話をします。 วัสดุอลูมิเนียม การทำอโนไดซ์ (Anodize) โดยการทำให้เกิดออกไซด...

再生可能エネルギー:พลังงานทดแทน

วันนี้ถ้าพูดถึงพลังงาน ทุกคนคงคิดถึงน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมคะ แต่วันนี้จะมาพูดถึง พลังงานทดแทนหมายถึงอะไรและแบ่งออกเป็นกี่ประเภทกันค่ะ พลังงานทดแทน หมายถึง พลังงานที่ใช้ทดแทนเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ทั่วโลกนิยมใช้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ พลังงานทดแทนแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามแหล่งที่มาของพลังงาน ได้แก่ พลังงานทางเลือก ( Alternative Energy ) คือพลังงานที่ได้จากแหล่งฟอสซิลอื่น ที่ไม่ใช่น้ำมัน ได้แก่ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือยูเรเนียม ซึ่งมีแต่ใช้แล้วจะหมดไป พลังงานหมุนเวียน ( Renewable Energy ) คือ พลังงานที่ได้จากแหล่งที่สามารถผลิต หรือก่อกำเนิดพลังงานนั้นขึ้นมาเองได้ และยังหมุนเวียนนำกลับมาใช้ได้อีก มักเป็นพลังงานสะอาด และไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานคลื่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานเคมีจากไฮโดรเจน พลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ พลังงานไบโอดีเซล พลังงานเอทานอล หรือ แก๊สโซฮอล เป็นต้น     จากคำจำกัดความข้างต้น สรุปได้ว่า พลังงานทางเลือก ถือเป็นพลังงานทดแทนประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นพลังงานที่ทุกวั...